การจ้างแรงงานต่างด้าวไม่ใช่เรื่องง่าย! แต่ถ้าคุณมีผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญ บอกเลยว่าทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องชิล ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การคัดกรองแรงงาน หรือบริการหลังการจ้างงาน เราขอแนะนำ 10 บริษัทนำเข้าแรงงานต่างด้าวชั้นนำ ที่ไม่เพียงถูกกฎหมาย แต่ยังบริการดีจนต้องบอกต่อ พร้อมแล้วไปดูกันเลย
AAA Advance – รับประกันคุณภาพด้วยการแนะนำจากลูกค้าเก่า
AAA Advance เป็นบริษัทที่ลูกค้าพูดถึงมากที่สุด ด้วยบริการที่ครบถ้วน ตั้งแต่การจัดหาแรงงานจากพม่า ลาว กัมพูชา ไปจนถึงการดูแลหลังการจ้างงาน ความน่าเชื่อถือของที่นี่พิสูจน์ได้จากการเติบโตแบบปากต่อปาก
- ดูแลแรงงานแบบครบวงจร
- บริการเอกสารทุกประเภท ทั้งต่อวีซ่าและใบอนุญาต
- มีทีมงานให้คำปรึกษาตลอดเวลา
Global Event – งานครบวงจร บริการแบบ VIP
อยากได้บริการแบบไม่ต้องคิดมาก? Global Event คือตัวจริงเรื่องการจัดหาแรงงานแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดการเอกสาร พิสูจน์สัญชาติ จนถึงการดูแลสวัสดิการแรงงาน จุดเด่นคือทีมงานมืออาชีพที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง!
- เครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ
- ดูแลสวัสดิการและติดตามผลแบบมืออาชีพ
- ระบบจัดการที่ทันสมัย
Advance Work – รับประกันแรงงานหลบหนีคืนเต็ม 2 ปี
Advance Work ไม่ได้แค่หาแรงงานให้คุณ แต่ยังรับประกันว่าแรงงานที่คุณจ้างจะไม่หลบหนีในระยะ 2 ปีเต็ม ถ้าเกิดปัญหา ทีมงานพร้อมแก้ไขให้อย่างรวดเร็ว แถมมีประสบการณ์นำเข้าแรงงานกว่า 10 ปี!
- รับประกันแรงงาน 2 ปี
- รองรับแรงงาน 4 สัญชาติ
- การันตีคุณภาพด้วยออเดอร์นำเข้ากว่าหมื่นคนต่อปี
E.M.S. Labour – ปรับสถานะแรงงานผิดกฎหมายให้ถูกต้อง
E.M.S. Labour เป็นเจ้าแห่งการจัดการแรงงาน MOU ที่มั่นใจได้ว่าถูกกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมบริการช่วยปรับสถานะแรงงานผิดกฎหมายให้ถูกต้อง
- เงินค้ำประกันสูงถึง 5 ล้านบาท
- เชี่ยวชาญระบบ MOU
- มีบริการปรับสถานะแรงงาน
KI Perumal – งานเหมาจ้างสุดประหยัด
ถ้าคุณต้องการลดภาระการบริหารจัดการแรงงาน KI Perumal คือคำตอบที่ใช่ เพราะเขาเชี่ยวชาญด้านงานเหมาจ้าง ดูแลตั้งแต่ค่าแรง สวัสดิการ จนถึงเอกสารทุกประเภท
- บริการแบบเหมาจ้าง ลดงานบริหาร
- เหมาะกับอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง
- มีบริการตรวจสุขภาพแรงงาน
JDCS – ระบบติดตามงานสุดเป๊ะ
JDCS เหมาะกับคนที่ต้องการบริการจัดหาแรงงานแบบมืออาชีพ ทีมงานของที่นี่แยกตามความเชี่ยวชาญ มีระบบติดตามงานที่แม่นยำ และการันตีว่างานจะเสร็จครบทุกขั้นตอน
- ทีมงานเชี่ยวชาญแยกตามประเภทบริการ
- ระบบติดตามงานทันสมัย
- รับประกันงานเสร็จครบถ้วน
Kham Many – บริการรวดเร็ว ทันใจในทุกขั้นตอน
คำมะนี คือบริษัทที่เด่นเรื่องการบริการที่รวดเร็ว ฉับไว และเชี่ยวชาญในการนำเข้าแรงงาน 4 สัญชาติ จุดขายคือการตอบทุกปัญหาแบบทันที ไม่ต้องรอนาน
- เชี่ยวชาญการนำเข้าแรงงานพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม
- ให้คำปรึกษาแบบฉับไว
- ทีมงานเป็นกันเอง พร้อมแก้ไขปัญหาทุกรูปแบบ
COJ Pass & Service – จัดการครบจบในที่เดียว
COJ Pass & Service ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่ให้คำปรึกษา สรรหาแรงงาน จนถึงแก้ปัญหาระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ความโดดเด่นคือการทำงานแบบซื่อสัตย์และโปร่งใส
- บริการครบวงจรในที่เดียว
- แก้ไขปัญหานายจ้าง-ลูกจ้างอย่างมืออาชีพ
- การันตีความถูกต้องตามกฎหมาย
P.CHAIYO – เชี่ยวชาญการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย
P.CHAIYO เป็นตัวจริงในเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย จุดเด่นคือบริการที่เชี่ยวชาญในการนำเข้าแรงงาน 3 สัญชาติ และปรับสถานะแรงงานให้ถูกต้องตามนโยบาย
- บริการปรับสถานะแรงงานผิดกฎหมาย
- มีความเชี่ยวชาญในแรงงานเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา
- ให้บริการทั้งในระดับองค์กรและรายย่อย
The Worker – ประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการแรงงาน
The Worker เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการนำเข้าแรงงาน MOU และงานคัดเลือกแรงงานให้ตรงกับความต้องการ จุดขายคือทุนจดทะเบียนสูงถึง 5 ล้านบาท การันตีความน่าเชื่อถือ
- ทุนจดทะเบียนสูง มั่นใจได้ในความน่าเชื่อถือ
- ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่คัดเลือกจนส่งมอบ
- บริการแบบโปร่งใสและมืออาชีพ
เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การจ้างแรงงานต่างด้าวไม่ใช่แค่เรื่องของการหาคนมาทำงาน แต่ยังต้องคำนึงถึงความถูกต้องตามกฎหมายและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากดำเนินการผิดพลาด อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายและความยุ่งยากในอนาคต เพื่อให้การจ้างงานเป็นไปอย่างราบรื่น เราจึงรวบรวมข้อควรรู้สำคัญที่นายจ้างทุกคนควรทราบไว้ดังนี้
1. แรงงานต่างด้าวต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
สิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบก่อนจ้างงาน คือ แรงงานต่างด้าวที่คุณจ้างจะต้องมีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย (Work Permit) เอกสารสำคัญนี้รวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่าที่มีอายุใช้งาน หากแรงงานไม่มีใบอนุญาต นายจ้างจะไม่สามารถจ้างได้ และการละเลยข้อกำหนดนี้อาจทำให้นายจ้างถูกปรับสูงสุดถึง 100,000 บาทต่อแรงงาน 1 คน
2. ระบบ MOU คือกระบวนการที่ถูกต้อง
การนำเข้าแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันต้องผ่านระบบ MOU (Memorandum of Understanding) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศต้นทาง (พม่า ลาว กัมพูชา) กับประเทศไทย ระบบนี้ช่วยให้แรงงานมีสถานะที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มงาน และช่วยป้องกันปัญหาแรงงานเถื่อนที่อาจสร้างผลกระทบในระยะยาว
3. ประเภทงานที่แรงงานต่างด้าวสามารถทำได้
แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานได้เฉพาะประเภทงานที่กำหนด เช่น งานก่อสร้าง งานเกษตร งานโรงงาน หรือแม่บ้าน ในทางกลับกัน บางประเภทงาน เช่น งานขายปลีก งานด้านกฎหมาย หรือวิศวกรรม เป็นงานที่สงวนไว้สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ นายจ้างจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่างานที่จ้างตรงกับข้อกำหนดของกฎหมาย
4. เอกสารสำคัญที่นายจ้างต้องจัดเตรียม
นอกจากแรงงานต้องมีเอกสารที่ถูกต้อง นายจ้างเองก็ต้องจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น
- สัญญาจ้างงานที่ระบุรายละเอียดชัดเจน
- ใบแจ้งสถานที่ทำงานของแรงงาน
- หลักฐานการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน
การเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วนจะช่วยลดปัญหาทางกฎหมายและข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5. ตรวจสุขภาพแรงงานเพื่อความปลอดภัย
แรงงานต่างด้าวทุกคนต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน โดยเฉพาะโรคที่กฎหมายกำหนดว่าห้ามมี เช่น วัณโรค โรคเรื้อน หรือโรคเท้าช้าง ผลการตรวจสุขภาพนี้เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ยื่นขอใบอนุญาตทำงาน และยังช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องสุขอนามัยให้กับองค์กรและพนักงานคนอื่น ๆ
6. ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
แรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในประเทศไทยต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมเหมือนพนักงานไทย นายจ้างมีหน้าที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคมทุกเดือน เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสวัสดิการต่าง ๆ นี่เป็นข้อบังคับที่นายจ้างไม่ควรมองข้าม
7. ระวังความเสี่ยงจากการจ้างแรงงานผิดกฎหมาย
หากนายจ้างจ้างแรงงานที่ไม่มีสถานะหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะเสี่ยงค่าปรับสูงสุดถึง 100,000 บาทต่อคนแล้ว ยังอาจเผชิญกับการเพิกถอนสิทธิ์การจ้างแรงงานในอนาคต การดำเนินการให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
8. แจ้งเปลี่ยนแปลงสถานะหรือเลิกจ้างแรงงาน
หากแรงงานเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ย้ายตำแหน่ง หรือถูกเลิกจ้าง นายจ้างต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต่อกรมการจัดหางานภายใน 15 วัน การละเลยไม่แจ้งอาจนำไปสู่การถูกปรับและปัญหาเอกสารของแรงงานในอนาคต
9. วางแผนรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
แม้จะมีการจัดการที่ดี แต่ปัญหาเกี่ยวกับแรงงานอาจเกิดขึ้นได้ เช่น การหลบหนีของแรงงาน การขัดแย้งในที่ทำงาน หรือข้อพิพาทเรื่องค่าจ้าง นายจ้างควรเตรียมวิธีรับมือ เช่น การจัดทำระบบติดตามแรงงาน การทำสัญญาจ้างที่ชัดเจนตั้งแต่แรก และการเปิดช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
สรุป
ทั้ง 10 บริษัทที่แนะนำมานี้ ล้วนมีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน เลือกบริษัทที่ตรงกับความต้องการของคุณ และมั่นใจได้ว่าแรงงานที่ได้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจของคุณแบบครบวงจร!